บริษัท ไมโครลิสซิ่ง
จำกัด (มหาชน)
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy
Policy)
สำหรับคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
บริษัท ไมโครลิสซิ่ง
จำกัด (มหาชน) |
เลขที่เอกสาร : ML_RC_01_005 |
วันที่เริ่มใช้: วันที่ 1 มิถุนายน 2565 |
|
ฉบับที่/ ทบทวนครั้งที่
: 2 / 1 |
|
วันที่ทบทวน: 1 มิถุนายน 2565
|
|
ประกาศใช้ตามคำสั่งที่/ อนุมัติโดย: คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2565 |
ประวัติเอกสาร
ครั้งที่ |
วันที่มีผลบังคับใช้ |
รายละเอียด |
1 |
ปี 2563 |
ออกเอกสารครั้งแรก |
2 |
1 มิถุนายน 2565 |
ทบทวนครั้งที่
1 อนุมัติโดย: คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่
5/2565 |
|
|
|
สารบัญ
2. บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ
4. การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
5. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
6. การเข้าถึงและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
7. วิธีการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
9. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
10. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยและความลับของข้อมูลส่วนบุคคล
11. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
11.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม
ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคลล.
11.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
11.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล
12. ระยะเวลาจัดเก็บ และสถานที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
13. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด
15. การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ภายนอก
16. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
18. การติดต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Appropriate Authority)
19.
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
สำหรับคู่ค้า
นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
บริษัท ไมโครลิสซิ่ง
จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นรากฐานในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือกับผู้ที่ทำธุรกิจกับบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ จึงยึดมั่นในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ
(หากมี) และกฎเกณฑ์ของทางราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จัดทำขึ้น เพื่อจัดให้มีวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
สำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
ที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ.2562 กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ
(หากมี) และกฎเกณฑ์ของทางราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้บริหารและพนักงานต้องใช้และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ให้เป็นข้อมูลลับและรักษาไว้
มิให้ สูญหาย เข้าถึง ใช้
เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ผู้บริหารและพนักงานเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เก็บ
รวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามความจำเป็น
เพื่อตอบสนองความจำเป็นทางธุรกิจ ซึ่งถูกต้องตามกฎหมายภายใต้ขอบเขตของบทบาทหน้าที่และภาระงานที่ตนได้รับมอบหมายเท่านั้นและต้องเป็นไปตามความยินยอมของคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ
หรือผู้ให้กู้ยืมเงินที่ได้ให้ไว้เป็นหนังสือหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมเป็นหนังสือหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้บริหารและพนักงานไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวหากมีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
ห้ามมิให้ผู้บริหารและพนักงานใช้หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าขอบเขตการทำงานในหน้าที่ของตนตามที่บริษัทฯ
กำหนด และ/หรือตามที่ได้รับมอบหมายตามความจำเป็น และ/หรือตามความยินยอมของคู่ค้า
นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงินที่ได้ให้ไว้เป็นหนังสือหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมเป็นหนังสือหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้บริหารและพนักงานไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวหากมีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
ห้ามผู้บริหารและพนักงานเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ที่มิได้รับอนุญาตทั้งภายในหรือภายนอกบริษัทฯ
และห้ามประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะอื่นใดที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายนี้
หมายถึง
บริษัท ไมโครลิสซิ่ง
จำกัด (มหาชน) |
|
คู่ค้า |
หมายถึง
บุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำธุรกิจ กับ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งหมายความรวมถึง ผู้ขายสินค้า
ผู้ให้บริการ ผู้รับเหมา และผู้รับจ้าง
โดยอาจมีการเข้าทำข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างกัน
หรือหนังสือแต่งตั้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษร |
นายหน้าหรือผู้แนะนำ |
หมายถึง
บุคคลธรรมดาที่ชี้ช่องหรือจัดการให้เกิดการเข้าทำสัญญาเช่าซื้อระหว่างลูกค้า กับ
บริษัท
ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
โดยจะได้รับบำเหน็จเป็นการตอบแทน เมื่อการตกลง
เข้าทำสัญญาเช่าซื้อเสร็จสิ้น |
ผู้ให้กู้ยืมเงิน |
หมายถึง บุคคลธรรมดาที่ให้
บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กู้หรือยืมเงิน
โดยบริษัทฯ ตกลงว่าจะจ่ายต้นเงิน และ/หรือรวมถึงผลประโยชน์ตอบแทนจากการกู้ยืมเงิน |
ผู้มีอำนาจอนุมัติ |
หมายถึง
ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ ให้มีอำนาจในการอนุมัติใดๆ ภายใต้ขอบอำนาจ ที่ได้รับจากบริษัทฯ
|
ระบบงาน |
หมายถึง
ชุดของกระบวนการ บุคคล เครื่องมือ และระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์
ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ระบบ และพนักงานที่เกี่ยวข้อง
โดยทุกองค์ประกอบทำงานร่วมกัน เพื่อรวบรวม จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล
ในการสร้างสารสนเทศและส่งผลลัพธ์เพื่อสนับสนุนการทำงาน การตัดสินใจ การวางแผน
การบริหาร การควบคุม การวิเคราะห์และติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทฯ |
ผู้ดูแลระบบงาน |
หมายถึง
หน่วยงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของระบบงานให้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบงานหนึ่งๆ |
เจ้าของระบบงาน |
หมายถึง ผู้บริหารของฝ่ายงานทางธุรกิจ
หรือผู้บริหารที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อระบบงานหนึ่งๆ ของบริษัทฯ |
ผู้บริหารและพนักงาน |
หมายถึง
ผู้บริหาร พนักงาน พนักงานชั่วคราว เจ้าหน้าที่ และ/หรือบุคคลใดๆ ที่ได้รับการจ้าง
งานหรือรับจ้างทำงานตามสัญญากับ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง
จำกัด (มหาชน) |
ผู้บริหารระดับสูง
|
หมายถึง
ผู้บริหารในตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการขึ้นไปจนถึงกรรมการผู้จัดการ
ของบริษัทฯ |
|
|
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง
บุคคลซึ่งสามารถถูกระบุตัวตนได้โดยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม
ซึ่งในที่นี้หมายถึงคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน |
ผู้เยาว์ |
หมายถึง
บุคคลธรรมดาที่มีอายุยังไม่ครบ 20 (ยี่สิบ) ปีบริบูรณ์ ยกเว้นบุคคลธรรมดาที่มีอายุยังไม่ครบ
20 (ยี่สิบ) ปีบริบูรณ์ แต่ได้ทำการสมรสตามกฎหมาย อันมีผลให้เป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย |
คนเสมือนไร้ความสามารถ |
หมายถึง
บุคคลที่มีกายพิการ หรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ
หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันจนไม่สามารถจัดทำการงาน โดยตนเองได้
หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเอง หรือครอบครัว
ซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและอยู่ในความดูแลของผู้พิทักษ์ที่ศาลแต่งตั้ง |
ผู้พิทักษ์ |
หมายถึง
ผู้ที่มีหน้าที่ดูแล คนเสมือนไร้ความสามารถ โดยพนักงานอัยการ
หรือบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอตามกฎหมายได้ร้องขอต่อศาลและศาลได้มีคำสั่งให้เป็น
ผู้พิทักษ์ ให้ทำการดูแล คนเสมือนไร้ความสามารถ |
คนไร้ความสามารถ |
หมายถึง
บุคคลวิกลจริตซึ่งศาลได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและอยู่ในความดูแลของ
ผู้อนุบาลที่ศาลแต่งตั้ง |
ผู้อนุบาล |
หมายถึง
ผู้ที่มีหน้าที่ดูแล คนไร้ความสามารถ รวมทั้งจัดการดูแลทรัพย์สินตลอดจนทำหน้าที่ต่างๆ
แทนคนไร้ความสามารถ
โดยพนักงานอัยการหรือบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอตามกฎหมายได้ร้องขอต่อศาลและศาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็น
ผู้อนุบาล ให้ทำการดูแล คนไร้ความสามารถ |
ข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ (มาตรา 6 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562) เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล รูปถ่าย ลายนิ้วมือ
หมายเลขบัตรหรือรหัสประจำตัวประชาชนที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในทางตรง
หรือการเก็บ Location หรือ Cookies ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ในทางอ้อม
กล่าวคือเป็นข้อมูลที่โดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
แต่เมื่อนำไปใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นแล้วก่อให้เกิดชุดข้อมูลที่สามารถระบุข้อมูลส่วนบุคคลได้
เช่น ที่อยู่ เพศ และอายุ เมื่อนำมารวมกันแล้วสามารถระบุตัวบุคคลคนหนึ่งได้ |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว |
หมายถึง
ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง
ความเชื่อ ในลัทธิ
ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ
ข้อมูลสหภาพแรงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพหรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
(มาตรา 26 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ.2562) |
ข้อมูลชีวภาพ |
หมายถึง
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดจากการใช้เทคนิคหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ
การนำลักษณะเด่นทางกายภาพหรือพฤติกรรมของบุคคลมาใช้ทำให้สามารถยืนยันตัวตน ของบุคคลนั้นที่ไม่เหมือนกับบุคคลอื่น
เช่น ข้อมูลจำลองภาพใบหน้า (Face
Recognition) ข้อมูลจำลองม่านตา หรือข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ |
ข้อมูลสาธารณะ |
หมายถึง
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เปิดเผยต่อสาธารณชน |
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง
ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล |
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง
ผู้ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล |
หมายถึง
การดำเนินการใดๆ ซึ่งกระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดข้อมูลส่วนบุคคล
ไม่ว่าจะโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บ บันทึก จัดระบบจัดโครงสร้าง เก็บรักษา
เปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา ใช้ เปิดเผยด้วยการส่งต่อ เผยแพร่
หรือการกระทำอื่นใด ซึ่งทำให้เกิดความพร้อมใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน
การจำกัด การลบ
หรือการทำลาย |
แอปพลิเคชัน |
หมายถึง
โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
เพื่อให้ทำงานตามคำสั่งและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ โดยแอปพลิเคชัน (Application) ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าส่วนติดต่อกับผู้ใช้
(User Interface หรือ UI) เพื่อเป็นตัวกลางการใช้งานต่างๆ |
IP Address |
หมายถึง
สัญลักษณ์เชิงหมายเลขที่กำหนดให้แก่อุปกรณ์แต่ละชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ หรือ
เครื่องพิมพ์ ที่มีส่วนร่วมอยู่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์หนึ่งๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ต
โพรโทคอลในการสื่อสาร |
คุกกี้
(Cookies) |
หมายถึง
ข้อมูลขนาดเล็กที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ
ส่งไปยังคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยคุกกี้จะถูกส่งกลับไปที่เว็บไซต์ต้นทางในแต่ละครั้งที่กลับเข้ามาดูที่เว็บไซต์ดังกล่าว |
สำนักงาน |
หมายถึง
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล |
2.2 คณะกรรมการบริหาร มีหน้าที่
1)
กำกับดูแลการดำเนินงานของคณะเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data
Protection Officer Group : DPO Group)
2)
กำหนดแนวทางการจัดทำและทบทวนนโยบายรวมถึงกรอบการดำเนินงานด้านการจัดการข้อมูล ส่วนบุคคล
3)
ให้ข้อเสนอแนะและพิจารณากลั่นกรองวัตถุประสงค์
นโยบาย แผนงาน แนวปฏิบัติ กระบวนการ และเอกสารที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
4)
ควบคุมดูแลและประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
5)
แต่งตั้งหรือปรับเปลี่ยนคณะเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(Data Protection Officer Group : DPO
Group)เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร
ได้ตามความเหมาะสม
6)
เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงหรือให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน
7)
กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายและมีอำนาจอนุมัติการเปลี่ยนแปลง
แก้ไข หรือทบทวนนโยบายนี้
2.3 ผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่จัดการและควบคุมการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม
ใช้ และเปิดเผยข้อมูล
ส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของทางราชการ
รวมถึงจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีประสิทธิผลและเป็นไปตามนโยบายนี้
2.4 พนักงานมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายฉบับนี้
ตามระเบียบปฏิบัติและคำสั่งของบริษัทฯ รวมถึงกฎหมายและกฎเกณฑ์ของทางราชการต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยเคร่งครัด
3.1. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของของคู่ค้า
นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงินที่เป็นบุคคลธรรมดา
3.2 บริษัทฯ กำหนดให้คณะเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(Data Protection Officer Group : DPO Group) มีหน้าที่ดำเนินการทบทวนนโยบายฉบับนี้ อย่างน้อยปีละ
1 (หนึ่ง) ครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อการปฏิบัติงานตามนโยบายฉบับนี้
และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บริษัทฯ จะประกาศให้ทราบผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ www.microleasingplc.com
3.3 บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน หรือในขณะนั้น
เว้นแต่บริษัทฯ จะทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ หรือมีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
ดังนี้
·
เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา
·
เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
·
เป็นการจำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถ คาดหมายได้อย่างสมเหตุผล
·
เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือที่รัฐมอบหมายให้แก่บริษัทฯ
·
เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต
ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
·
เพื่อการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
3.4 บริษัทฯ
เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพียงเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และบริษัทฯ ต้องแจ้งรายละเอียดในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
3.5 บริษัทฯ จะดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือหมดความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้กำหนดไว้ใน ข้อ 12.
หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอม
เว้นแต่มีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของทางราชการที่ทำให้บริษัทฯ
ต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไป
3.6 บริษัทฯ
มีการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย
รวมถึงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 การขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ต้องดำเนินการอย่างชัดแจ้งเป็นหนังสือ
หรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอม ด้วยวิธีดังกล่าวได้
การขอความยินยอมด้วยวิธีอื่นจะต้องมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้แสดงเจตนา
ให้ความยินยอม โดยการขอความยินยอมต้องแยกส่วนออกจากข้อความอื่นอย่างชัดเจน
4.2 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับการแจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล
ส่วนบุคคลอย่างชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่หลอกลวง หรือทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์และคำนึง
อย่างที่สุด
ในความเป็นอิสระของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการให้ความยินยอม
4.3
กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือไม่มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว
ให้ขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์
4.4
กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคนไร้ความสามารถ
ให้ขอความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการ
แทนคนไร้ความสามารถ
4.5
กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ให้ขอความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถ
4.6 กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
หรือผู้มีอำนาจ ตามข้อ 4.3 ข้อ 4.4
หรือข้อ 4.5 ต้องการถอนความยินยอมที่เคยให้ไว้ ให้บริษัทฯ
ดำเนินการตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอโดยการถอนความยินยอมต้องทำได้ง่าย เช่นเดียวกับการให้้ความยินยอมและหากการถอนความยินยอมส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องใด
ให้บริษัทฯ แจ้งถึงผลกระทบบจากการถอนความยินยอมนั้น ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ
4.7 บริษัทฯ ต้องเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น
การเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้จะทำไม่ได้ เว้นแต่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและได้รับความยินยอมก่อนเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยแล้ว
5.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ให้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคล ถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
· วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม เพื่อการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย
· ความจำเป็นที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเพื่อเข้าทำสัญญา
และผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
· ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวมและระยะเวลาในการเก็บรวบรวมไว้ที่ชัดเจนหรือที่อาจคาดหมายได้
· ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานที่อาจได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
รวมถึงรายชื่อของบุคคล
หรือหน่วยงานดังกล่าว(ตามแต่กรณี)
· สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
· ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทฯ และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection
Officer: DPO) สถานที่ติดต่อและวิธีการติดต่อ
5.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจะต้องถูกต้องครบถ้วนตามข้อเท็จจริงที่ได้รับแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
หากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงให้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
5.4
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ให้ดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคล เว้นแต่มีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
5.5 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง
ต้องแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ทราบภายใน 30 (สามสิบ) วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เว้นแต่มีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
5.6 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บ
วัตถุประสงค์ ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
และเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงรายละเอียดอื่นๆ
ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานตรวจสอบได้
5.7 การเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน เพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้
5.7.1 เพื่อพิจารณาและวิเคราะห์คุณสมบัติ เพื่อความเหมาะสมในการให้บริการ หรือการเข้าทำข้อตกลง
หรือสัญญาระหว่างกัน หรือการจัดทำหนังสือแต่งตั้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โดยบริษัทฯ
ต้องแจ้งถึงผลกระทบหากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลและอาจส่งผลกระทบทำให้บริษัทฯ
หรือคู่สัญญาไม่สามารถให้บริการ หรือเข้าทำข้อตกลง หรือสัญญาระหว่างกัน หรือจัดทำหนังสือแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษรได้
5.7.2 เพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันตัวตน (KYC หรือ E-KYC)
ของคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน (หากมี) ก่อนการให้บริการ หรือการเข้าทำข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างกัน หรือการจัดทำหนังสือแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษรได้ตามนโยบายของบริษัทฯ
และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
5.7.3 เพื่อแจ้งภาระหนี้สิน
ค่าใช้จ่าย หรือค่าบริการต่างๆ เพื่อการออกเอกสารการชำระเงิน ใบเสร็จรับเงิน
ใบกำกับภาษี การปฏิบัติตามเงื่อนไขในการให้บริการ หรือข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างกัน
หรือหนังสือแต่งตั้งที่ทำกับบริษัทฯ และเอกสารหรือสัญญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5.7.4 เพื่อใช้ประมวลผล หรือวิเคราะห์
หรือเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการในกิจการของบริษัทฯ หรือเพื่อการบริหารความเสี่ยง
หรือเพื่อปรับปรุงการทำธุรกิจระหว่างกันและส่งมอบบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่ได้ตกลงไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
5.7.5
เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำหนังสือแต่งตั้ง
ข้อตกลง หรือสัญญาอื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัทฯ
หรือต่อสถาบันการเงินหรือหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเพื่อประกอบการโอนสิทธิเรียกร้อง
หรือเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ (หากมี) ในภายหน้า
5.7.6
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการให้บริการหลังการขาย หรือการส่งเสริมการขายของคู่ค้า
นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน รวมถึงการติดตาม ประสานงาน
แก้ไขปัญหาต่างๆ ของคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
5.7.7 เพื่อวิเคราะห์วิจัยข้อมูลสำหรับปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาธุรกิจ
และบริการของของคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน ซึ่งอาจเกินความคาดหมาย
5.7.8 เพื่อการประชาสัมพันธ์
แนะนำ ให้ข้อมูลหรือข้อเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ บริษทร่วมและ/หรือบริษัทในเครือ รวมถึงสิทธิพิเศษที่เป็นประโยชน์และอาจหมาะสมกับคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ
หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
5.7.9 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบในการทำธรุกรรมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ดียิ่งขึ้น
5.7.10 เพื่อใช้ในการพิจารณาดำเนินการใช้สิทธิทางศาล
การสืบทรัพย์และ/หรือบังคับคดี การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องหรือยกข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
5.7.11
ข้อมูลส่วนบุคคลของของคู่ค้า
นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับ ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ คู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ
หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้ขอความยินยอมไว้ ตามที่กล่าวข้างต้นเท่านั้น
6.
การเข้าถึงและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 ผู้ดูแลระบบงานและเจ้าของระบบงานต้องอนุญาตให้ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ
ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับคู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน เพื่อการปฏิบัติงานตามสิทธิที่บริษัทฯ
กำหนดไว้
6.2 หากผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ
มีความจำเป็นในการปฏิบัติงานที่ต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าสิทธิที่บริษัทฯ
กำหนดไว้ในข้อ 6.1 ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติเป็นรายกรณีและต้องแจ้งขอยกเลิกสิทธิการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวต่อผู้มีอำนาจอนุมัติ
เมื่อหมดความจำเป็นต้องใช้งานสำหรับกรณีนั้นๆ
6.3 ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ
ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ให้ความยินยอมเท่านั้น เว้นแต่มีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
7.
วิธีการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยกระบวนการ ดังต่อไปนี้
7.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงก่อนหรือในขณะการเข้าทำนิติกรรมสัญญา
หรือ การดำเนินการอื่นใด
บริษัทฯ
จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกรณีที่บริษัทฯ
อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปยังบุคคลภายนอกตามที่กล่าวไว้ ในข้อ 8. ทั้งนี้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและยินยอมให้บริษัทฯ
เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนดังกล่าวแล้ว
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแสดงความยินยอมผ่านช่องทางเป็นหนังสือ
หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดที่บริษัทฯ จัดเตรียมไว้ ซึ่งกระบวนการให้ความยินยอมนั้น
บริษัทฯ จะให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมอย่างอิสระ เข้าถึงได้ง่ายและเข้าใจได้ถึงวัตถุประสงค์ของการให้ความยินยอมตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
และจะแจ้งให้ทราบถึงผลกระทบของการไม่ให้ความยินยอม
7.2 ข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่สาม ได้แก่
บุคคลหรือองค์กรภายนอกบริษัทฯ เช่น ตัวแทน ร้านค้า หรือบริษัท
ที่ให้บริการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ เป็นต้น บริษัทฯ
ต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมีฐานที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวต้องเป็นไปตามกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของทางราชการ
7.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์
เช่น ชื่อของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต และที่อยู่ไอพี
(IP Address) ผ่านการเข้าใช้อินเทอร์เน็ต
วันที่และเวลาของการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หน้าเพจที่เข้าเยี่ยมชมขณะเข้าเว็บไซต์
และที่อยู่ของเว็บไซต์ ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวต้องเป็นไปตามกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของทางราชการ
7.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากข้อมูลสาธารณะ
(Public Records) และที่ไม่ใช่สาธารณะ (Non-Public Records)
ที่บริษัทฯ
มีสิทธิเก็บรวบรวมได้ตามกฎหมาย
7.5 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากหน่วยงานภาครัฐ
หน่วยงานกำกับดูแลที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย
7.6 บริษัทฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้กับบริษัทฯ
โดยตรงหรือจากบุคคลที่สาม หรือที่บริษัทฯ
ได้รับจากการให้บริการหรือการดำเนินงานของบริษัทฯ ผ่านทุกช่องทางตามที่กล่าวข้างต้นซึ่งเป็นข้อมูล
ดังต่อไปนี้
7.6.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ อายุ อาชีพ หมายเลขโทรศัพท์ IP Address ข้อมูลการเข้าใช้อินเทอร์เน็ต
(Cookies) E-mail Address ข้อมูลภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว
ข้อมูลด้านรายได้ เช่น เลขที่บัญชีธนาคาร รายการเดินบัญชี ภาพถ่ายกิจการ
แผนที่แสดงเส้นทางไปที่ตั้งของกิจการ ข้อมูลด้านทรัพย์สิน เช่น ข้อมูลโฉนดที่ดิน
ข้อมูลรถยนต์ หรือทรัพย์หลักประกันอื่น ที่คู่ค้า นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
จำเป็นต้องวางประกันไว้ตามสัญญาที่มีกับบริษัทฯ หรือเพื่อประโยชน์ในการที่บริษัทฯ
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
7.6.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวต้องเป็นไปตามกฎหมายและอาจเป็นข้อมูลชีวภาพ เช่น
ข้อมูลลายนิ้วมือ ภาพถ่ายใบหน้า เป็นต้น ที่บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวม
เพื่อประโยชน์ในการยืนยันตัวตน (KYC, E-KYC) ของคู่ค้า
นายหน้าหรือผู้แนะนำ หรือผู้ให้กู้ยืมเงิน
7.6.3 ข้อมูลจากการสมัครสมาชิก
หรือเข้าร่วมกิจกรรม ข้อมูลในการสร้างบัญชีผู้ใช้งาน (Account) ที่ถูกสร้าง โปรไฟล์ที่ประกอบด้วยรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัทฯ
เพื่อการเข้าใช้บริการในช่องทางการให้บริการของบริษัทฯ อาทิ
แอปพลิเคชันการใช้งานผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ และ/หรือผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้แก่
บัญชีออนไลน์
หรือบัญชีของแอปพลิเคชันที่ให้บริการของบริษัทฯ
ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ เพื่อทำการสมัครต่างๆ ได้แก่ การสมัครเข้าร่วมกิจกรรม
และ/หรือติดต่อกับบริษัทฯ ผ่านทางเว็บไซต์ หรือทางช่องทางอื่นๆ ตามที่บริษัทฯ
กำหนด
7.6.4 ข้อมูลการสมัครรับข่าวสารต่างๆ
จากการทำแบบสำรวจ หรือข้อมูลการร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น ความพึงพอใจ
ความสนใจ หรือพฤติกรรมการบริโภค เป็นต้น
7.6.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมกับบริษัทฯ
หรือกับบริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือ เช่น
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารหรือการชำระเงินอื่นๆ รวมทั้งวันที่และเวลาที่ชำระเงิน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของการทำธุรกรรมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
7.6.6 ข้อมูลจากการเข้าชมหรือใช้เว็บไซต์ของบริษัทฯ
เว็บไซต์อื่นๆ ของบริษัทฯ หรือของบริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือ หรือแอปพลิเคชันของบริษัทฯ
หรือที่บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการข้อมูลการใช้ Social Media และการโต้ตอบกับ
โฆษณาออนไลน์ของบริษัทฯ
รุ่นและประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้เปิดเข้าชมเว็บไซต์
ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้
เพื่อเข้าถึงการบริการ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Laptop หรือสมาร์ทโฟน ข้อมูลประเภทระบบปฏิบัติการ
และแพลตฟอร์ม ที่อยู่ IP address ของอุปกรณ์
หรือเครื่องมือปลายทาง ข้อมูล Location ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการ
และผลิตภัณฑ์ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าชมหรือค้นหา
7.6.7 ข้อมูลจากบันทึกการติดต่อของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ
ซึ่งเก็บในรูปแบบของบันทึกข้อความ
ของผู้รับบริการ การประเมินความพึงพอใจ การวิจัยและสถิติ
หรือการบันทึกเสียงสนทนา หรือการบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อกับบริษัทฯ
เช่น ศูนย์บริการลูกค้าของบริษัทฯ รวมไปถึงการให้ข้อมูลผ่านสื่อ
ที่ทำการวิจัยต่าง ๆ อาทิ SMS, Social Media
แอปพลิเคชัน หรืออีเมล เป็นต้น
7.6.8 ข้อมูลโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อมีการใช้ข้อมูลและรหัสการเข้าสู่ระบบของสื่อสังคมออนไลน์
(Social Media Credential) เช่น Facebook,
Twitter และ Line เพื่อเชื่อมต่อหรือเข้าสู่บริการใดๆ
ของบริษัทฯ เช่น
บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Account ID) สิ่งที่สนใจ
(Interests) รายการที่ชอบ (Likes) และรายชื่อเพื่อนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถควบคุมการจัดเก็บความเป็นส่วนตัวนี้
ผ่านการตั้งค่าบัญชี
สื่อสังคมออนไลน์ที่จัดทำไว้ให้ โดยผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว
8.1.
บริษัทที่ให้บริการในการจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมข้อมูล บริษัทรับพัฒนาและบำรุงรักษาระบบในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ของบริษัทฯ
8.2 คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทย่อย บริษัทร่วม
บริษัทในเครือ หรือผู้ให้บริการภายนอก เพื่อการพัฒนา
ปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ การวิเคราะห์ข้อมูล การประมวลผลข้อมูล
การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
การพัฒนาแพลตฟอร์มบริการลูกค้า การส่งอีเมล/SMS การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ การสำรวจความพึงพอใจและการทำวิจัย
การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า การบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน
การกำกับดูแลกิจการ การจัดการข้อร้องเรียน
และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่จำเป็นต่อการให้บริการแก่ลูกค้า ผู้ค้ำประกัน และคู่สมรสของลูกค้าหรือคู่สมรสของผู้ค้ำประกัน
เป็นต้น
8.3 หน่วยงานรัฐบาล
รัฐบาล หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอื่นตามกฎหมาย เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
คำสั่ง คำร้องขอ หรือเพื่อการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย
9.
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
9.1
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศจะต้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
และบริษัทฯ จะต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ
9.2 บริษัทฯ จะจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปต่างประเทศเท่ามีจำเป็นต่อวัตถุประสงค์ตามที่แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและจะใช้มาตรการตามสมควร
ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความถูกต้องเป็นปัจจุบันและเชื่อถือได้
9.3
การประมวลผลในระบบคลาวด์ (Cloud) บริษัทฯ
จะพิจารณาองค์กรที่มีมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยในระดับสากลและจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบการเข้ารหัส
หรือวิธีการอื่นๆ ที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เป็นต้น
10.
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยและความลับของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ
มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะกำหนดให้เฉพาะบุคคลที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการให้บริการของบริษัทฯ
เช่น พนักงานของบริษัทฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่บริษัทฯ
อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ
อย่างเคร่งครัด ตลอดจนการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยบริษัทฯ
มีมาตรการป้องกันทั้งทางกายภาพและทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานการกำกับดูแลที่บังคับใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อบริษัทฯ
ทำสัญญาหรือข้อตกลงกับบุคคลที่สาม บริษัทฯ จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
การรักษาข้อมูลที่เป็นความลับที่เหมาะสม
เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ครอบครองมีความปลอดภัย
11. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิทธิตามกฎหมายที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรทราบ
โดยสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายและภายใต้นโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้
หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทฯ กำหนดขึ้น
ดังนี้
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ได้ให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัทฯ
เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิ โดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนการเพิกถอนความยินยอม
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ
และขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทฯ
ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบ ที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ
และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูล
ส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ
ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ
ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง
เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
11.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคลล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอคัดค้านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ของตนทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น
หรือเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นในภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจที่รัฐได้มอบให้บริษัทฯ
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคัดค้าน บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปโดยจะต้องสามารถแสดงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า
หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี
11.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
หากเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้
หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
11.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทฯ
อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ป็นปัจจุบันและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเมื่อบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิสูจน์คำขอคัดค้านการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือกรณีที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้บริษัทฯ ระงับการลบ หรือทำลาย เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ข้อมูลในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ต้องลบหรือทำลาย แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้ระงับการใช้แทน
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบันสมบูรณ์
และไม่ก่อให้
เกิดความเข้าใจผิด
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามข้อมูลด้านล่างนี้
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
e-mail address : pdpc@mdes.go.th
โทรศัพท์ : 02-142-1033
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้กำหนดช่องทางการติดต่อเพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียด
ในข้อ 17. โดยบริษัทฯ จะพิจารณาและดำเนินการตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ
ภายในระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้อง
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ
สามารถปฏิเสธการดำเนินการตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
อนึ่ง
การใช้สิทธิบางประการของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
หรือการถอนความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถทำได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย
ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อกรณีการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัทฯ
ที่ทำไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือกรณีการให้บริการอื่นๆ เนื่องจากจะไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
จึงอาจเกิดข้อจำกัดในการให้บริการในบางส่วนที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และอาจทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่ได้รับสิทธิประโยชน์การบริการและข่าวสารจากบริษัทฯ
ต่อไป
12.
ระยะเวลาจัดเก็บ
และสถานที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ
จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตราบเท่าที่จำเป็นโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์และความจำเป็นที่บริษัทฯ
จะต้องดำเนินการจัดเก็บรวบรวมและประมวลผล
ซึ่งรวมไปถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับ บริษัทฯ
จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลังระยะเวลาที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทฯ
ไปอีกในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะสอดคล้องกับระยะเวลาและอายุความของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยบริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในสถานที่จัดเก็บ ที่เหมาะสม ตามประเภทและลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ บริษัทฯ
อาจจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปแม้จะพ้นกำหนดอายุความตามกฎหมายแล้วก็ตาม
เช่น กรณีอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นต้น
บริษัทฯ
จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทุกประเภทที่บริษัทฯ เก็บจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้จัดเก็บ
เช่น กฎหมายเกี่ยวกับบัญชีและภาษีอากร กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต (National Credit Bureau : NCB) ซึ่งอาจมีระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้จัดเก็บแตกต่างกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานขึ้น
หากกฎหมายกำหนดให้แตกต่างไปและเมื่อหมดระยะเวลาที่ต้องเก็บข้อมูลไว้ตามกฎหมายแล้ว บริษัทฯ
จะทำการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ด้วยวิธีการที่รอบคอบ
รัดกุม และคำนึงถึงประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจดำเนินการลบ หรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุ ตัวบุคคลได้ ก่อนถึงเวลาที่ควรต้องจัดเก็บไว้ตามกฎหมาย
หากได้รับการติดต่อจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อขอให้ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนถึงเวลาต้องทำลาย ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ การลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ดังกล่าวอยู่ภายใต้ คำร้องขอเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเช่นเดียวกับเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม
ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ในการลบ
หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้อย่างถูกต้อง
ไม่ผิดตัวบุคคล
นอกจากนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภท บริษัทฯ อาจกำหนดระยะเวลาลบ หรือทำลาย
หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ไว้อย่างเฉพาะเจาะจง
เช่น 1 (หนึ่ง) ปี นับแต่วันที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ หรือนับแต่วันสุดท้ายของการเข้าทำรายการใดๆ
กับบริษัทฯ เช่น ข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเวบไซต์บริษัทผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ
ใช้วิธีการทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้
ซึ่งแม้ข้อมูล ส่วนบุคคลดังกล่าวจะไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้แล้วก็ตาม
แต่บริษัทฯ อาจเก็บข้อมูลนั้นๆ ไว้ต่อไป เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ด้านสถิติ เพื่อนำมาใช้ประกอบการพัฒนาด้านการให้บริการสินเชื่อ
หรือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เท่านั้น
หากบริษัทฯ ทำการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ตามความประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว อาจทำให้เกิดข้อจำกัดที่ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการทำธุรกรรมหรือให้บริการด้านต่างๆ แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นได้อีกต่อไป (แต่ไม่รวมถึงการทำธุรกรรมหรือให้บริการด้านต่างๆ ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการไปก่อนที่จะมีการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้) ทั้งนี้ หากการดำเนินการดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการคิดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอดังกล่าว
13.
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถเลือกที่จะไม่รับการสื่อสาร
เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดจากบริษัทฯ ยกเว้น
การติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
15.
การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ภายนอก
เว็บไซต์ของบริษัทฯ
จะมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นอาจมีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างจากของบริษัทฯ
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเชื่อมต่อไปยังเวบไซต์ของบุคคลที่สาม บริษัทฯ จึงขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลศึกษานโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์นั้นๆ
ก่อนการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม
เพื่อเข้าใจถึงรายละเอียดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหา
นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม
16.
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ
ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อตรวจสอบการดำเนินการที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และนโยบาย ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง
ของบริษัทฯ รวมทั้งประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ
หรือการจัดการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้
หรือต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ 11. สามารถติดต่อมายังบริษัทฯ หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(DPO) ดังนี้
ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ |
บริษัท
ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เลขที่
863/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม
จังหวัดนครปฐม 73000 ทีมบริการลูกค้าสัมพันธ์
(Call Center) โทรศัพท์
: 034-109200 โทรสาร: 034-255577 E-mail address : contact@microleasingplc.com Website: www.microleasingplc.com/ |
ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(DPO) ของบริษัทฯ |
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(DPO)
บริษัท
ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เลขที่
863/3 ถนนเพชรเกษม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม
จังหวัดนครปฐม 73000 โทรศัพท์
: 034-109200 ต่อ 0218 โทรสาร
: 034-255577 E-mail address : DPO@microleasingplc.com |
|
|
18.
การติดต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Appropriate
Authority)
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการรายงาน, ร้องเรียน หรือหากรู้สึกว่าบริษัทฯ
ไม่ตอบข้อกังวลของเจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคลในลักษณะที่น่าพึงพอใจ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถรายงาน, ร้องเรียน และ/หรือติดต่อได้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามรายละเอียดด้านล่างนี้
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมE-mail address : pdpc@mdes.go.th
โทรศัพท์
: 02-142-1033
บริษัทฯ จะดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างน้อยปีละ 1
(หนึ่ง) ครั้ง หรือเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อการปฏิบัติงานตามนโยบายฉบับนี้
หรือเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ
จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางการประกาศที่เหมาะสมของบริษัทฯ
และจะประกาศให้ทราบผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ www.microleasingplc.com