กฎหมาย...น้ำหนักรถบรรทุกขนส่ง รู้ไว้ก่อนไม่โดนปรับ!!
การขนส่งสินค้าผ่านรถบรรทุกจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายน้ำหนักรถบรรทุกอย่างเคร่งครัด แม้รถบรรทุกจะมีศักยภาพในการบรรทุกของได้มาก แต่หากน้ำหนักเกินตามข้อกำหนดของ พรบ.ทางหลวง จะมีโทษปรับสูงถึง 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการขนส่งทุกคนควรทราบ
วันนี้เราสรุปข้อมูลกฎหมายกำหนดน้ำหนักรถบรรทุกแต่ละประเภท เพื่อให้ผู้ประกอบการและลูกค้าของเราสามารถวางแผนขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้วค่ะ
ประเภทรถบรรทุกและน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด
- รถบรรทุก 4 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 9.5 ตัน (9,500 กิโลกรัม)
- รถบรรทุก 6 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 15 ตัน (15,000 กิโลกรัม)
- รถบรรทุก 10 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 25 ตัน (25,000 กิโลกรัม)
- รถบรรทุก 12 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 30 ตัน (30,000 กิโลกรัม)
- รถบรรทุก 14 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 35 ตัน (35,000 กิโลกรัม)
- รถพ่วง 18 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 47 ตัน (47,000 กิโลกรัม)
- รถพ่วง 20, 22, 24 ล้อ: น้ำหนักรวมไม่เกิน 50.5 ตัน (50,500 กิโลกรัม)
ทำไมต้องมีกฎหมายควบคุมน้ำหนักรถบรรทุก?
- ป้องกันถนนเสียหาย
ถนนทุกเส้นทางถูกออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักที่จำกัด การบรรทุกน้ำหนักเกินที่กฎหมายกำหนด อาจทำให้ถนนเสียหายเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ถนนและระบบโลจิสติกส์ในภาพรวม - เพิ่มความปลอดภัยในการขนส่ง
การบรรทุกน้ำหนักเกินเกณฑ์ ไม่เพียงแต่จะทำให้ถนนเสียหาย แต่ยังทำให้การควบคุมรถบรรทุกยากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านน้ำหนักจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนอื่น ๆ - ลดปัญหาการจราจร
รถบรรทุกที่มีน้ำหนักมากเกินไป มักจะเคลื่อนตัวช้ากว่ารถในขนาดปกติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการจราจรติดขัด การควบคุมน้ำหนักรถตามกฎหมาย จึงช่วยลดปัญหาการจราจร และทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้น
เวลาห้ามวิ่ง ไม่ให้ผิดกฎหมายและเสียเวลา
นอกจากกฎหมายควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังมีกฎหมายกำหนดเวลาห้ามเดินรถบรรทุกในพื้นที่กรุงเทพมหานครและบนทางด่วน เพื่อป้องกันปัญหาการจราจรติดขัดและเพิ่มความปลอดภัยบนถนน สำหรับผู้ประกอบการขนส่ง ควรทราบรายละเอียดเหล่านี้เพื่อให้การเดินรถของคุณเป็นไปตามกฎหมายและไม่เสียเวลา
เวลาห้ามเดินรถบรรทุกในกรุงเทพมหานคร
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 09:00 น. และ 16:00 – 20:00 น. (เว้นวันหยุดราชการ)
- รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 10:00 น. และ 15:00 – 21:00 น. (เว้นวันหยุดราชการ)
- รถบรรทุกถังขนก๊าซ, วัตถุไวไฟ, และรถพ่วงตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 22:00 น. ทุกวัน (เว้นวันอาทิตย์)
- รถบรรทุกอื่น ๆ เช่น บรรทุกซุง, เสาเข็ม: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 21:00 น.
เวลาห้ามเดินรถบรรทุกบนทางด่วน
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 09:00 น. และ 16:00 – 20:00 น.
- รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 09:00 น. และ 15:00 – 21:00 น.
- รถบรรทุกสารเคมี: ห้ามเดินรถเวลา 06:00 – 10:00 น. และ 15:00 – 22:00 น.
สำหรับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2.2 ตัน เช่น รถบรรทุก 4 ล้อ จะสามารถวิ่งในเขตกรุงเทพฯ ได้โดยไม่ติดข้อจำกัดด้านเวลา ทั้งนี้เวลาห้ามเดินรถในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะใช้ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ (ด้านตะวันตกและตะวันออก) เป็นตัวกำหนดเขตแบ่งพื้นที่การห้ามวิ่ง
พื้นที่นอกเขตถนนวงแหวนฯ และบนถนนวงแหวนรอบนอกฯ:
- รถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป: ห้ามวิ่งเวลา 06:00 น. – 21:00 น.
พื้นที่ถนนภายในเขตถนนวงแหวนรอบนอกฯ:
- รถบรรทุกขนาดใหญ่: ห้ามวิ่งเวลา 04:00 – 24:00 น.
ข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณวางแผนเดินรถได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเสียเวลาในการขนส่ง
มองหา สินเชื่อซื้อขายรถบรรทุกมือสอง ไมโครลิสซิ่งเป็นอะไรที่เหมาะสมสำหรับคุณ เพราะที่นี่มีขั้นตอนการอนุมัติที่ง่ายและประสิทธิภาพ ทราบผลไว ให้วงเงินสูง มีบริการถึงบ้านทั่วประเทศ ภายใน 1 วันและดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.58% มีโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย แถมคุณสามารถ ค้นหาสาขาที่ใกล้บ้านคุณ ได้ด้วย
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ
Website: https://www.microleasingplc.com
Tiktok: https://www.tiktok.com/@microleasing
Facebook : https://www.facebook.com/Microleasing
Youtube : https://www.youtube.com/@microleasing
Line Official Account: @microleasing
MICRO Call Center: 02-105-5599, 034-109-200