สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โอนเล่ม VS ไม่โอนเล่ม ต่างกันยังไง?

การขอสินเชื่อรถแลกเงินเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนโดยใช้รถยนต์เป็นหลักประกัน โดยสินเชื่อรถแลกเงินมีให้เลือก 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่ สินเชื่อรถแลกเงินโอนเล่มและแบบไม่ต้องโอนเล่ม
ซึ่งทั้งสองรูปแบบก็มีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการทำความรู้จักสินเชื่อรถแลกเงินทั้ง 2 รูปแบบ ก็จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจขอสินเชื่อในรูปแบบที่เหมาะกับความต้องการได้อย่างเหมาะสม
ในบทความนี้ไมโครลิสซิ่ง จะมาบอกข้อเปรียบเทียบความแตกต่างของการขอสินเชื่อรถแลกเงินโอนเล่มและแบบไม่ต้องโอนเล่ม เพื่อเป็นประโยชน์ในการขอสินเชื่อของเพื่อนๆ กันนะคะ
จำนำเล่มทะเบียนแบบโอนเล่ม
การขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม เราในฐานะผู้กู้จะต้องนำเล่มทะเบียนรถฉบับจริงมาโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ โดยจะต้องเตรียมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้พร้อม และไปทำเรื่องการโอนเล่มที่สำนักงานขนส่งทางบก แม้รถจะถูกโอนกรรมสิทธิ์แล้วแต่เราก็ยังสามารถนำรถไปใช้ได้ปกติ และเมื่อเราได้ผ่อนชำระหนี้จนครบแล้ว เราก็สามารถทำเรื่องเพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์กลับมาเป็นชื่อเราได้เหมือนเดิม
ข้อดี:
- ดอกเบี้ยต่ำกว่า: สินเชื่อแบบโอนเล่มมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการไม่โอนเล่ม เนื่องจากผู้ให้กู้ถือกรรมสิทธิ์รถเป็นหลักประกันเต็มรูปแบบ
- วงเงินกู้สูงกว่า: เนื่องจากผู้ให้กู้มีความมั่นใจมากขึ้นในหลักประกัน ทำให้ผู้กู้สามารถได้รับวงเงินที่สูงกว่า
ข้อเสีย:
- เสียกรรมสิทธิ์ชั่วคราว: ผู้กู้ยืมจะไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ในเล่มทะเบียนรถยนต์ในระหว่างที่ยังไม่ผ่อนชำระครบ ทำให้ไม่สามารถขายหรือใช้รถเป็นหลักทรัพย์ในการขอสินเชื่อใหม่ได้
โดยการขอสินเชื่อในรูปแบบนี้จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5-7 วัน เพราะต้องดำเนินการโอนเล่มที่กรมขนส่งทางบก ซึ่งทางผู้กู้จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ และการจ่ายค่างวดในแต่ละเดือนจะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7%
จำนำเล่มทะเบียนรถยนต์แบบไม่โอนเล่ม
ในส่วนของการขอสินเชื่อรถแลกเงินไม่โอนเล่มทะเบียน สามารถทำได้โดยมีขั้นตอนที่ง่ายกว่าแบบโอนเล่มรถยนต์ เนื่องจากเป็นการกู้ที่เราไม่ต้องเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถในเล่มทะเบียนกับทางธนาคารหรือสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งทางบก
ข้อดี:
- ยังคงถือกรรมสิทธิ์: ผู้กู้ยืมยังคงถือเล่มทะเบียนรถและกรรมสิทธิ์ของรถ จึงสามารถขายหรือโอนไปยังผู้อื่นได้หากจำเป็น (แต่ต้องเคลียร์หนี้ก่อน)
- มีความยืดหยุ่น: หากต้องการจำนำใหม่หรือใช้รถเป็นหลักประกันอย่างอื่น จะไม่ยุ่งยากเท่าการโอนเล่ม
ข้อเสีย:
- ดอกเบี้ยสูงกว่า: ผู้ให้กู้มีความเสี่ยงมากกว่าเนื่องจากไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ จึงอาจกำหนดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น
- วงเงินกู้น้อยกว่า: วงเงินสินเชื่ออาจน้อยกว่าการจำนำแบบโอนเล่ม เนื่องจากผู้ให้กู้มีความเสี่ยงในการเรียกคืนหนี้ได้ยากกว่า
อย่างไรก็ตามสถาบันการเงินหรือบริษัทลิสซิ่งจะถือว่าการปล่อยสินเชื่อแบบไม่โอนเล่ม มีความเสี่ยงสูงกว่าเพราะไม่ได้มีการโอนหลักประกัน จึงคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าและวงเงินกู้ที่ได้รับอาจน้อยกว่าแบบโอนเล่มทะเบียน เนื่องจากหลักประกันแตกต่างกับการโอนเล่ม
ขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบไหนดี ถึงจะคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการ
เมื่อได้ทำความรู้จักและเปรียบเทียบข้อดีของการขอสินเชื่อทั้ง 2 รูปแบบไปแล้ว ก็คงจะทำให้คนที่ต้องการขอสินเชื่อเกิดความลังเลขึ้นมาบ้างว่า จะเลือกสินเชื่อรถแลกเงินไม่ต้องโอนเล่มหรือต้องโอนเล่มดี? ในส่วนนี้ก็ต้องพิจารณาถึงความต้องการของผู้ขอสินเชื่อเป็นหลัก โดยสามารถพิจารณาปัจจัยหลักๆ ได้ 2 ปัจจัย ดังนี้
-
ความเร่งรีบในการใช้เงิน
หากคุณมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน และสามารถหาเงินมาชำระคืนได้เร็ว การขอสินเชื่อรถแลกเงินไม่โอนเล่มทะเบียนก็นับว่าเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ เพราะใช้เวลาในการยื่นขอสินเชื่อน้อย ไม่ต้องรอดำเนินการโอนชื่อผู้ครอบครองใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า วงเงินที่ได้รับอนุมัตินั้นเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่
-
วงเงินที่ต้องการ
สินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่มรถยนต์ เป็นรูปแบบที่ให้วงเงินสูงกว่า เนื่องจากมีการโอนกรรมสิทธิ์รถไปให้สถาบันการเงินเพื่อเป็นหลักประกัน ดังนั้น หากคุณไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่อย่างเร่งด่วน และต้องการผ่อนเงินต้นแบบคงที่ การขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่มรถยนต์ก็จะถือว่าตอบโจทย์มากกว่า
การจำนำเล่มทะเบียนไม่ว่าจะเป็นแบบโอนเล่มหรือไม่โอนเล่ม ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากความต้องการในเรื่องวงเงิน ดอกเบี้ย ค่างวด ระยะเวลาในการผ่อนชำระ และความยืดหยุ่นในการถือกรรมสิทธิ์
หากคุณสนใจขอสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถบรรทุก
📲 สนใจสมัคร สายด่วน โทร. 062-602-7447, 062-602-5665, 034-109-227, 02-105-5599
คำเตือน: กู้เท่าที่จำเป็นและจ่ายไหว ถ้าจ่ายคืนไม่ได้จะมีผลเสีย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด